วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2566

บันทึกเดินทาง Helsinki (Finland)

เฮลซิงกิ Helsinki-Finland

เฮลซิงกิ (Helsinki)เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศฟินแลนด์ ตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศ ริมชายฝั่งอ่าวฟินแลนด์ ตัวเมืองมีประชากรประมาณ 560,000 คน เฮลซิงกิอยู่ติดกับเมืองวันตาและเอสโปซึ่งรวมตั้งเป็นเขต เมืองหลวงหรือมหานครเฮลซิงกิ มีประชากรเกือบหนึ่งล้านคน และถ้านับเขตที่อยู่อาศัยในปริมณฑลด้วยจะมีประชากรมากกว่า 1.2 ล้านคน เฮลซิงฟอร์สเป็นชื่อเมืองดั้งเดิม และยังคงเป็นชื่อเมืองในภาษาสวีเดนในปัจจุบัน ในอดีตเป็นชื่อที่ใช้ในระดับนานาชาติด้วย

(ขอบคุณที่มา จาก http://www.worldtraveltrips.com/europe/finland/temppeliaukio-church/)


ฟินแลนด์ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐฟินแลนด์ เป็นประเทศในกลุ่มนอร์ดิก ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปยุโรป เขตแดนด้านตะวันตกเฉียงใต้จรดทะเลบอลติก ทางด้านใต้จรดอ่าวฟินแลนด์ ทางตะวันตกจรดอ่าวบอทเนีย ประเทศฟินแลนด์มีชายแดนติดกับประเทศสวีเดน นอร์เวย์ และรัสเซีย สำหรับหมู่เกาะโอลันด์ที่อยู่ห่างจากชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้นั้น อยู่ภายใต้การปกครองของฟินแลนด์ แต่เป็นเขตปกครองตนเอง เคยถูกรัสเซียยึดครองและเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซีย เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุด คือ เฮลซิงกิ เมืองสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ เอสโป วันตา ตัมเปเร โอวลุ และตุรกุ

ฟินแลนด์มีประชากร 5.52 ล้านคน (ข้อมูล ณ กลางปี พ.ศ. 2562) ประชากรส่วนมากอาศัยอยู่ในตอนกลางและตอนใต้ของประเทศ และพูดภาษาฟินแลนด์ ซึ่งเป็นกลุ่มภาษาฟินนิกจากตระกูลภาษายูรัล และไม่มีความสัมพันธ์กับภาษาสแกนดิเนเวียแต่อย่างใด ประเทศฟินแลนด์เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดอันดับที่ 8 ของทวีปยุโรป และเป็นประเทศที่มีประชากรเบาบางที่สุดในสหภาพยุโรป ประเทศฟินแลนด์เป็นสาธารณรัฐในระบบรัฐสภาที่ประกอบด้วย 311 เทศบาล และ 1 เขตปกครองตนเอง คือ หมู่เกาะโอลันด์ มีประชากรมากกว่า 1.4 ล้านคนอาศัยอยู่ในปริมณฑลเกรเทอร์เฮลซิงกิ และคิดเป็น 1 ใน 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(ขอบคุณที่มา จาก https://th.wikipedia.org/wiki)

ขอบคุณที่มาจาก https://www.worldatlas.com/upload/e1/12/cf/fi-01.jpg


**1.อนุสาวรีย์ซิเบลิอุส (Sibelius Monument)**

อนุสาวรีย์ซิเบลิอุส (Sibelius Monument) อนุสาวรีย์แห่งนี้ตั้งอยู่ใน Sibelius Park ถูกสร้างขึ้นเพื่อสดุดีให้แก่นักประพันธ์เพลงคลาสสิกชื่อดังของโลกชาว ฟินแลนด์นามว่า Jean Sibelius (1865-1957) ผู้แต่งเพลงฟินแลนเดีย เพลงปลุกใจชาวฟินน์ให้ลุกขึ้นมาเรียกร้องเอกราชจากรัสเซีย 
ลักษณะเป็นอนุสาวรีย์ที่แปลกตามากๆ ถูกออกแบบโดย Eila Hiltunen เป็นการสร้างโดยนำเอาแท่งเหล็กจำนวน 600 แท่ง มาเชื่อมเข้าด้วยกันจนออกมาเป็นรูปร่างของออร์แกนลม ที่มีความสูง 85 ม. กว้าง 10.5 ม. ลึก 6.5 ม. และหนักถึง 24 ตันตั้งอยู่กลางแจ้งอย่างโดดเด่นเป็นสง่า//









**2.Temppeliaukio Church**

//โดย Temppeliaukio Church นั้นเป็นศาสนสถานที่มีความน่าสนใจอย่างมากอีกเเห่งของฟินเเลนด์ โดยมันตั้งอยู่ในกรุงเฮลซิงกิ มีความสวยงามเเละเเปลกตาอย่างมากช่วยสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่มาเยือนโบสถ์เเห่งนี้อย่างมากเลยทีเดียว จนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกเเห่งที่ใครมาเที่ยวเฮลซิงกิเเล้วไม่ควรพลาดมาเที่ยวชมความสวยงามเเบบเเปลกๆ ของที่นี่กัน//

**โบสถ์เทมเปลิโอคิโอ นั้นมีอีกชื่อว่า โบสถ์หิน หรือที่ชาวฟินเเลนด์มักจะนิยมเรียกว่า โบสถ์แห่งความรัก เพราะว่ามันเริ่มก่อสร้างในวันวาเลนไทน์ เเละใช้ใช้เวลาก่อสร้างเพียงเเค่หนึ่งปีเท่านั้นเเละเสร็จในวันที่ 14 กุมภาพันธ์อีกเช่นเดียวกัน ถือว่าเป็นความจงใจของผู้สร้างอย่างชัดเจน ซึ่งที่ตั้งของโบสถ์เเห่งนี้เเต่เดิมนั้นเป็นเนินเขาหินเเกรนิตที่ตั้งอยู่ขวางเเละดูเกะกะอย่างมากจึงมีการดัดเเปลงพื้นที่เเห่งนี้เสียใหม่ให้เป็นศาสนสถานด้วยการระเบิดชั้นหินธรรมชาติออกไปเเล้วทำเป็นโพลงพร้อมกับสร้างโบสถ์ครอบเข้าไปอย่างสวยงามเเละเเปลกประหลาดด้วยการออกเเบบของสถาปนิกสองพี่น้องชาวฟินเเลนด์ที่ชื่อว่า Timo และ Tuomo Suomalainen ทำให้สถานที่เเห่งนี้กลางเป็นจุดเด่นของเมืองด้วยรูปเเบบภายนอกที่ทันสมัยอย่างมาก เเละภายในที่มีการตกเเต่งด้วยหินธรรมชาติงดงามอย่างมาก โดยทีช่องด้านบนนั้นจะทำเป็นระบายเพื่อรับเเสงจากภายนอก โดยหลังคาด้านบนนั้นมีการประดับด้วยลวดทองเเดงที่มีความหนากว่าหนึ่งนิ้ว โดยนำมาขดเป็นวงกลมที่ดูเเปลกตาอย่างมากเลยทีเดียว//

**emppeliaukion church หรือ Rock church เค้าว่าควรมาอธิษฐานเรื่องความรัก

// Temppeliaukio Church นั้นได้รับความนิยมในหมู่หนุ่มสาวชาวฟินเเลนด์ที่จะมาจัดพิธีเเต่งงานกันที่โบสถ์เเห่งนี้เพราะชื่อเสียงเเละความหมายของโบสถ์ที่ได้รับการยอมรับกันอย่างมาก เเถมมีความเชื่ออีกว่าหากมาจุดเทียนอธิฐานในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความรักเเล้วมักจะสมหวังในความรักทุกรายไป จึงมีหนุ่มสาวนชาวฟินเเลนด์มาจุดเที่ยวกันอยู่เสมอๆ เลยทีเดียวรวมทั้งบรรดานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่รู้เรื่องราวก็มักจะมาจุดเทียนกันอีกด้วย//





**โบสถ์ดังอีกแห่งหนึ่งครับ Temppeliaukio Church (Rock Church) เห็นเขาบอกว่าตัวอาคารเสียงดีมาก เลยชอบมีคอนเสิร์ตไปจัด//

//คุณสามารถเดินทางมาเที่ยวชมความสวยงามของ โบสถ์เทมเปลิโอคิโอ ด้วยการใช้บริการของรถรางมายังโบสถ์เเห่งนี้ หรือจะเดินรวมทั้งปั่นจักรยานชิลๆ มายังโบสถ์เเห่งนี้ก็ได้เช่นเดียวดันเพราะเดินทางมาง่ายอย่างมาก//

**3.Helsinki Cathedral**

**Helsinki Cathedral อันนี้แทบจะเป็นสัญลักษณ์ของ Helsinki

**ประวัติ

ในปีพ.ศ. 2093 พระ เจ้ากุสตาฟที่ 1 แห่งสวีเดน ทรงก่อตั้งเมืองเฮลซิงกิขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการค้า แข่งกับเมืองทาลลินน์ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอ่าวฟินแลนด์ จากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทางการทหาร เฮลซิงกิจึงตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำวันตา ได้รับการปกป้องจากบรรดาเกาะเล็กๆทั้งหลาย ในช่วงแรกเฮลซิงกิไม่ประสบความสำเร็จมากนัก 90 ปีต่อมา สมเด็จพระรา ชินีคริสตินา ทรงดำริให้ย้ายเมืองไปทางใต้ 5 กิโลเมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบันของเมือง เฮลซิงกิได้รับสถานะเป็นเมืองสำคัญ สามารถทำการค้าขายกับต่างประเทศได้ แต่ในเวลานี้สวีเดนได้ครอบครองทางใต้ของอ่าวฟินแลนด์แล้ว เฮลซิงกิจึงไม่มีความสำคัญมากนัก และยังคงเป็นเมืองเล็กๆอยู่ ในปีพ.ศ. 2291 เริ่มมีการสร้างฐานทัพ Suomenlinna บนหมู่เกาะบริเวณปากอ่าวของเฮลซิงกิ การก่อสร้างนี้ส่งผลต่อเฮลซิงกิจากการที่คนงานนับพันคนเข้ามาทำให้การค้า เจริญเติบโตขึ้น รวมถึงทหารประจำการที่มาพร้อมกับครอบครัวและวัฒนธรรมแบบชาวสวีเดนชั้นสูง พ.ศ. 2351-52 เกิดสงครามระหว่างรัสเซียและสวีเดน ดินแดนฟินแลนด์ตกเป็นส่วนหนึ่งของสวีเดนในฐานะราชรัฐปกครองตนเอง ฟินแลนด์ ชาวฟินแลนด์บางส่วนเริ่มสนับสนุนความคิดการตั้งเฮลซิงกิเป็นเมืองหลวงของราช รัฐ ความคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากฝั่งรัสเซียเช่นกัน เนื่องจากเฮลซิงกิอยู่ใกล้กับเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมากกว่า และมีอิทธิพลของสวีเดนน้อยกว่าตุรกุซึ่งเป็นเมืองหลวงเดิม ซาร์อเล็กซาน เดอร์ที่ 1 จึงตั้งเฮลซิงกิเป็นเมืองหลวงของฟินแลนด์แทนที่ตุรกุในปีพ.ศ. 2355[6] จากการที่เฮลซิงกิถูกทำลายด้วยไฟในปี 2351 ทำให้ซาร์วางแผนที่จะสร้างเมืองขึ้นใหม่ ได้มีการแต่งตั้งวิศวกรชาวฟินแลนด์ให้ออกแบบเมืองใหม่ และเชิญสถาปนิกชาวเยอรมันมาร่วมงาน มีการสร้างอาคารใหม่จำนวนมาก รวมถึงการย้ายมหาวิทยาลัยมาจากตุรกุด้วย สถาปัตยกรรมที่สร้างใหม่นี้มีรูปแบบนีโอคลาสสิกตามแบบเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เฮลซิงกิได้กลายมาเป็นศูนย์กลางทางการปกครองและวัฒนธรรม ในช่วงสงครามกลาง เมืองฟินแลนด์ พ.ศ. 2461 เฮลซิงกิถูกยึดโดยฝ่ายแดงในเดือนมกราคม วุฒิสภาย้ายไปประจำการที่เมืองวาซา กองทัพฝ่ายขาว ร่วมกับทหารเยอรมันสามารถยึดเฮลซิงกิกลับมาได้ในเดือนเมษายน เฮลซิงกิได้รับความเสียหายไม่มากนัก ในช่วงสงครามฤดูหนาวและสงครามต่อเนื่อง (ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง) เฮลซิงกิถูกโจมตีทางอากาศจากสหภาพโซเวียต อย่างไรก็ตาม เฮลซิงกิได้รับความเสียหายไม่มากนักเมื่อเปรียบเทียบกับเมืองสำคัญอื่นๆใน ยุโรป เฮลซิงกิยังเป็นหนึ่งในสามเมืองหลวงของประเทศในทวีปยุโรปที่เข้าร่วมสงครามที่ไม่ถูกยึดครองโดยฝ่าย ศัตรู (อีกสองเมืองคือลอนดอนและมอสโก)//

**4.มหาวิหารอุสเปนสกี้ (Uspenski Church)  

อาสนวิหารอุสเพนสกี (ฟินแลนด์: Uspenskin katedraali, สวีเดน: Uspenskijkatedralen, เชิร์ชสลาโวนิก: Успенский собор, Uspenskij sobor) เป็นอาสนวิหารกรีกออร์โธดอกซ์หรืออีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ในเมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ และเป็นอาสนวิหารหลักของคริสตจักรออร์โธดอกซ์แห่งฟินแลนด์ Theotokos (พระแม่มารี) ชื่อของมันมาจากคำสลาโวนิกคริสตจักรเก่า uspenie ซึ่งหมายถึงหอพัก เป็นโบสถ์กรีกออร์โธดอกซ์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก        





มหาวิหารอุสเปนสกี้ (Uspenski Church) เป็นมหาวิหารของศาสนาคริสต์นิกายออร์ธอดอกซ์ สร้างขึ้นระหว่างปีค.ศ. 1862 – 1868 โดยได้รับการออกแบบก่อสร้างโดย Aleksei Gornostajev มหาวิหารอุสเปนสกี้นี้ถือว่าเป็นเครื่องแสดงถึงความสัมพันธ์ของฟินแลนด์กับ รัสเซีย ที่เคยปกครองฟินแลนด์อยู่ถึง 108 ปี ทำให้มหาวิหารแห่งนี้มีความงดงาม ด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมแบบรัสเซียเป็นอย่างมาก//



   

**เดินเล่นรอบเมือง และช้อปปิ้งถนน ALEKSANTERINKATU, HELSINKI ฟินแลนด์























ภายในตัวเมืองเฮลซิงกิ สามารถเดินเล่นได้สะดวกเลยค่ะ มีการวางผังเมืองดี ทำให้เดินง่าย ในส่วนของถนนช้อปปิ้งนั้น ชื่อเดิมคือ Suurkatu ค่ะ ต่อมาในปี 1833 ได้เปลี่ยนเป็นใช้ชื่อของอเล็กซานเดอร์ที่ 1 ของรัสเซีย เพื่อเป็นเกียรติหลังจากที่ท่านได้สิ้นพระชนม์ลง ชื่อว่าถนน Aleksanterinkatu หรือที่รู้จักเรียกขานในเฮลซิงกิว่าถนน Aleksi นั่นเองค่ะ



ที่นี่เป็นถนนสายที่สำคัญของเมืองและบรรดาขาช้อปทั้งหลาย เป็นถนนที่มีความยาวที่สุดของเมือง อยู่ใกล้กับทำเนียบประธานาธิบดี และสถานที่ที่มีชื่อเสียงอีกหลายแห่งค่ะ ทั้งสองฝั่งถนนนั้นเต็มไปด้วยร้านค้าขายของแบรนด์ดังต่างๆ และร้านอาหารอีกมากมายที่ดึงดูดผู้คนเป็นจำนวนมาก นับเป็นถนนคนเดินที่มีชีวิตชีวา คึกคักไปกับแสงสี เหมาะแก่การพบปะ รวมตัว สังสรรค์ โดยจะเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อนค่ะ และทุกๆ ปีในเดือนพฤศจิกายน ช่วงวันคริสต์มาส นักท่องเที่ยวจะแห่มาชมการตกแต่งไฟคริสมาสต์ที่สวยงามตระการตา แต่ละร้านมีการประดับประดาด้วยแสงไฟ ยิ่งทวีคูณความสวยงามและคึกคักของถนนเส้นนี้ไปอีกค่า Aleksanterinkatu นับเป็นถนนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งเลยนะคะ เพราะได้ทั้งช็อปปิ้ง เที่ยวชมสถานที่ และฉลองเทศกาลวันหยุดอีกด้วย////






*゚・✿..:* *.:。✿*゚・•*.:✿✲-•(¯`°.•°•.* * .•°•.°´¯)*¤° •:.:* *.:*¨゚✎・ .

 



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น